วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

ปัญหาการว่างงาน




ปัญหาการว่างงาน



16 ความคิดเห็น:

  1. ในเวลานี้ปัญหาใหญ่ประการหนึ่งที่ผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกต้องเผชิญ คือ การว่างงานในกลุ่มวัยรุ่น โดยนับตั้งแต่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับวิกฤติทางการเงินในปี 2551 – 2552 อัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวในระดับโลกเพิ่มขึ้นสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์และปัจจุบันการหางานที่ดีให้กับนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่และกำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นครั้งแรกยังคงเป็นเรื่องยากในหลายประเทศ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2555 เวลา 07:48

    สำหรับประเทศไทยนั้น ยังดีที่การว่างงานในกลุ่มวัยรุ่นอาจยังไม่เป็นปัญหามากนักในเวลานี้ เพราะอัตราว่างงานของกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวอายุ 15 – 24 ปีของไทยจากการสำรวจล่าสุดเดือนมีนาคม 2555 อยู่ที่ร้อยละ 2.9 ขณะที่ในปี 2554 อยู่ในช่วงร้อยละ 1.5 – 3.8 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2555 เวลา 07:49

    ปัญหาการว่างงานของกลุ่มวัยรุ่นและปัญหาการขาดแคลนฝีมือแรงงานอาจแก้ไขได้ยากพอกัน แต่ว่าหนทางในการแก้ไขปัญหานั้นมีอยู่ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลนั้นเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหามากน้อยเพียงใดและเห็นแก่ความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2555 เวลา 08:21

    ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีการทดถอยและชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมาก จนทำให้ได้ยินคำว่าคนว่างงาน คนตกงาน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่บ่อยๆ สภาวะเศรษฐกิจในสังคมเศรษฐกิจนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของผู้ประกอบการส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานออกเป็นบางส่วนเพื่อความสมดุลในการประกอบอาชีพ และ ผลกระทบของการว่างงานก็ทำให้เสียสุขภาพจิตเมื่อเกิดการว่างงานขึ้น

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2555 เวลา 08:22

    ปัญหาการว่างงาน

    การว่างงานมีการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกเป็นปัญหาสังคมและเศรษฐกิจการว่างงานนนั้นยังก่อให้เกิดอาชญกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฆ่าตัวตาย และถูกฆ่าเพราะบางครั้งถ้าเกิดตกงานและอยู่ในสถานะการเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยิ่งจะทำให้เราเกิดความเครียด คิดมาก บางครั้งอาจควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนอาจก่อให้เกิดการฆ่าตัวตาย อาชญากรรม และยังทำให้เกิดปัญหาความยากจนตามมาอีกด้วย แต่เนื่องจากทางรัฐบาลก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมหรือส่งเสริมช่วยเหลือให้การสนับสนุน จึงทำให้อัตราการว่างงานนั้นลดลง

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2555 เวลา 21:42

    วิกฤติมหาอุทกภัย พ.ศ.2554 ได้ทำให้แรงงาน จำนวนมากที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ 7 แห่ง บริษัท ห้างร้าน รวมถึงโรงงานใหญ่-น้อยนอกนิคมฯ ต้องกลายเป็นผู้ว่างงาน (อาจจะระยะสั้น หรือระยะยาว) นี่คือผลที่ตามมาอย่างชัดเจนอย่างหนึ่งของวิกฤติ ครั้งร้ายแรงที่สุดของไทย

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ2 กันยายน 2555 เวลา 21:43

    รัฐบาลน่าจะไปสร้างนิคมอุตสาหกรรมการเกษตร
    ที่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบให้มาก โดยเฉพาะในภาคอีสาน
    จะช่วยแก้ปัญหาการว่างงานได้ดีทีเดียว และลด
    ปัญหาครอบครัวที่ต้องจากบ้านเกิดไปด้วย

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ3 กันยายน 2555 เวลา 00:53

    ปัญหาการว่างงานถือได้ว่าเป็นปัญหาพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจของทุกประเทศที่ประสบ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของการว่างงาน เช่นการว่างงานตามฤดูการ การว่างงานแอบแฝง การว่างงานที่มาจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ หรือแม้กระทั่งเป็นการว่างงานที่มาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ไม่อำนวย

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ3 กันยายน 2555 เวลา 01:19

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างแรงงานโดยเร็ว โดยพิจารณาในเรื่องของแรงงานที่มีอายุน้อยแต่มีการศึกษาต่ำ ซึ่งจะกลายเป็นข้อจำกัดในการเพิ่มคุณภาพผลิตภาพแรงงานที่จะเข้ามาทดแทนกำลัง แรงงานที่ชะลอลงหลังจากที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปี 67-68 รวมทั้งต้องพิจารณาด้วยว่าแรงงานไทยส่วนใหญ่มีอายุมากการศึกษาต่ำและทำงาน นอกระบบจึงเป็นข้อจำกัดในการยกระดับขีดความสามารถเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการ ผลิตของประเทศและการยกระดับคุณภาพชีวิต

    นอกจากนี้แรงงานไทยยังอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบทั้งในด้านภาษาอังกฤษและความ หลากหลายของภาษาที่ใช้ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 58 ซึ่งจากการจัดอันดับของสถาบันไอเอ็มดีพบว่าไทยถูกจัดในอยู่ในกลุ่มประเทศที่ มีทักษะภาษาอังกฤษระดับต่ำมาก และต่ำกว่าเวียดนาม จึงเป็นกรณีเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไขเพิ่มความรู้ให้เป็น 2 เท่า และต้องสนับสนุนให้มีความรู้เรื่องภาษามาลายูกลาง ที่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่เออีซีแล้วภาษามาลายูกลางจะเป็นอีก 1 ภาษาที่นำมาใช้เป็นภาษาสากลด้วย

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ6 กันยายน 2555 เวลา 22:41

    จาก “การสำรวจภาวะการทำงาน ของประชากร เดือนกันยายน พ.ศ. 2554” โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีผู้ที่พร้อมทำงาน (หรืออยู่ในกำลังแรงงาน) อยู่ร้อยละ 72.5 ของคน วัยทำงาน (อายุ 15 ปีขึ้นไป) ทั้งหมด ในผู้ที่พร้อม ทำงานเหล่านี้ เกือบทั้งหมด (ร้อยละ 99) กำลัง ทำงาน ร้อยละ 0.2 กำลังรอเพื่อทำงานตามฤดูกาล (มักเป็นแรงงานภาคเกษตร) มีเพียงร้อยละ 0.8 เท่านั้นที่ว่างงาน

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ9 กันยายน 2555 เวลา 06:26

    ปัจจุบันนี้ คนจบปริญญาตรีในบ้านเราไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ถ้าไม่ตกงานหลังเรียนจบก็ต้องจาใจทำงานต่ำกว่าระดับ เพราะคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน ส่วนแรงงานที่ไร้ฝีมือ ตอนนี้เราเองก็พึ่งแรงงานจากประเทศอื่นมาพักใหญ่แล้ว อีกสามปีข้างหน้า เมื่อเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน ตลาดแรงงานไทยจะถูกตีขนาบทั้งหัวและท้าย ด้านท้ายเราต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ส่วนหัวเราอาจจะต้องพึ่งพาคนเก่งจากประเทศอื่น มาช่วยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม เพราะเราไม่สามารถผลิตคนกลุ่มนี้ออกมาได้เพียงพอกับความต้องการ แล้วถึงตอนนั้น คนที่จะต้องตกงานจะมีสักกี่คน

    ตอบลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ9 กันยายน 2555 เวลา 06:30

    รัฐบาลควรส่งเสริมให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงานให้กับประชาชนได้รับรู้ เช่น รายได้ของแต่ละอาชีพ อัตราการว่างงานของผู้ที่เรียนจบในระดับการศึกษาต่างๆ อัตราการว่างงานของผู้ที่จบปริญญาตรีแบ่งตามสาขาวิชา และสถาบันการศึกษา ภาวะการขาดแคลนแรงงานในแต่ละสาขาอาชีพว่ามีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคต เพื่อให้ผู้ที่กำลังศึกษาอยู่และผู้ปกครองสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจว่าจะศึกษาต่อในสาขาใด

    ตอบลบ
  13. ไม่ระบุชื่อ10 กันยายน 2555 เวลา 00:16

    ปัญหาการว่างงานมันมีในทุกๆประเทศ ซึ่งจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับ สภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั้นๆ ถ้าจะนับเฉพาะ ปริญญาตรีเมื่องไทย ก็ยังมีผู้ว่างงานเป็นหลายแสนคน จากการสำรวจ แล้วอีกจำนวนเท่าไหร่ที่ตกสำรวจไป ส่วนพวกที่ได้งานทำก็ได้งานไม่ตรงกับวุฒิที่เรียนมา แล้วองค์กรต่างๆก็มักจะมองคนที่เกรด มองคนที่สถาบัน เท่านั้น แล้วก็ใช้มาตรฐานความพอใจในการรับคนเข้าทำงานมากกว่าความตั้งใจ แล้วการสอนงานนั้นมันก็ไม่มีแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง มันก็เลยทำให้ปัญหาการว่างงานยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงแม้การได้งานจะยิ่งยากขึ้น แต่ก็จะมีคนบางกลุ่มที่ได้งาน เพราะสาเหตุอื่น ทั้งระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง คนรู้จักแนะนำ รู้จักกับเจ้าของซึ่งก็มักจะได้ค่าจ้างที่มากกว่าคนที่หาและสมัครเองซะอีก ส่วนพวกที่พอมีฐานะ มีกิจการก็อาจจะไม่ต้องกังวลอะไรนัก แล้วก็ ไม่ต้องไปให้เขากดขี่ แต่หากไม่รักษาจนมันมลายหายไปถือว่าเสียหายอย่างมาก เพราะการเริ่มต้นอะไรตอนนี้มันยากจนแทบเป็นไปไม่ได้

    นอกจากนี้แล้วอีกสาเหตุ สำคัญที่ทำให้ปัญหาการว่างงานเพิ่มมากขึ้น ก็คือ ระบบการศึกษา มักจะเปิดหลักสูตรต่างๆ โดยไม่ได้ตรงกับความต้องการของแรงงาน "เปิดไปเพื่อผลประโยชน์แก่ตนเองเท่านั้น "มันก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีลู่ทางที่จะไปต่อ ยกเว้นพวกที่พอมีฐานะมีต้นทุนชีวิตดีก็สามารถไปเรียนต่อ หรือ เรียนอีกใบ เพื่อเพิ่มลู่ทาง ทางเลือกให้กับตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่า "มันไม่ได้เรียนกันฟรีๆ" แล้วก็ต้องมีเวลาไปเรียนด้วย ซึ่งพวกที่พอมีฐานะอยู่บ้าง คงจะไม่รุ้สึกลำบากอะไรกับตรงนี้ ส่วนพวกที่ไม่มี การแสวงหาโอกาส จึงต้องอาศัยความอดทนและพยายามอย่างมาก และสำเร็จยากกว่า ก็เท่านั้น ตรงนี้จะเห็นได้ว่า ในเมื่อสภาพ การจ้างต่างๆมันช่างเอาแน่นอนไม่ได้ จะมัวแต่หวังกับการเป็นลูกจ้าง มันคงจะไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่จะต้องพยายามต่อไปก็คือ พยายามหาความรู้ เพิ่มเติม เพื่อที่จะให้สิ่งเหล่านั้น มันพอจะเป็นลู่ทางให้กับตัวเองได้ต่อไป โดยพยายามอ่านหนังสือ บทความต่างๆอยู่เรื่อยๆ ไม่จำเป็นจะต้องไปเสียเงินเรียน หรือ อบรมหลักสูตรเป็นหมื่นๆ

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ10 กันยายน 2555 เวลา 00:29

    เพื่อให้การจ้างงานอยู่ในระดับสูง การว่างงานจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องหาวิธีการส่งเสริมการลงทุนในประเทศเพื่อให้เกิดการจ้างงาน ประชาชนในประเทศมีงานทำ กระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ10 กันยายน 2555 เวลา 00:34

    โดยขณะนี้กระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้สำนักงานแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครแรงงานลงพื้นที่สำรวจผู้ว่างงาน ทั้งที่จบการศึกษาใหม่ และกำลังหางานทำ ว่ามีจำนวนเท่าใด พร้อมส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กรมการจัดหางานและสำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ เข้าไปให้บริการจัดหางานให้กับผู้หางานเหล่านั้น และเพื่อให้การลงพื้นที่เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น กระทรวงแรงงานจะประชุมชี้แจงกับแรงงานจังหวัดและจัดหางานจังหวัด เพื่อทำความเข้าใจในแนวทางการดำเนินงาน

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ10 กันยายน 2555 เวลา 00:38

    ดิฉันเห็นว่าเป็นปัญหาสังคมที่ต้องเร่งแก้ไขมากในขณะนี้ เช่นกรณีการทยอยปรับลดค่าจ้าง ปรับลดเวลาการทำงาน ไปจนถึงขั้นตอนการเลิกจ้างของบริษัท โรงงานหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมาหลังจากได้รับยอดส่งออกลดลงอย่างมาก ทำให้มีคนตกงานในสาขาต่างๆ ยิ่งพิษเศรษฐกิจทั่วโลกแพร่ระบาดเข้าใส่ ยิ่งทำให้ปัญหาการว่างงานของไทยทวีความความรุนแรงมากขึ้น ดูจากตัวเลขของผู้ตกงานที่คาดว่าจะมีตัวเลขสูงถึง 1 ล้านคน เป็นภาระหนักของสังคมซึ่งต้องหาแนวทางในการรับมืออย่างเร่งด่วน
    แม้ว่าปัญหาการว่างงานจะไม่รุนแรงทำกับวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540 แต่ รัฐบาลต้องมีการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ต้องหาแนวทางในเชิงรุก ออกไปเก็บข้อมูลอย่างใกล้ชิด ช่วยเปิดรับสมัครแรงงานและส่งต่อภาคเอกชน ดูแลการจ่ายเงินให้ครบถ้วน การขยายเวลาค่ารักษาพยาบาลของประกันสังคม หลังเลิกจ่ายควรหาแนวจูงใจให้มีการเลิกจ้างน้อยที่สุด ดูแลให้กิจกรรมอยู่ต่อไปได้ ไม่ถึงต้องเลิกการผลิต ด้วยการลดภาระค่าภาษี ซึ่งต่างจากการลดอัตราดอกเบี้ย มาตราการทางการคลังที่ดีจะเป็นเครื่องมือหลักในด้านหนึ่ง บรรเทาปัญหาการว่างงาน เพราะ....ในวิกฤตย่อมมีโอกาส เพียงขอให้ทุกคนมุ่งมั่น ขยัน ลุกขึ้นสู้ เนื่องจากไทยเราไม่มีทะเลทราย ไม่มีภูเขาน้ำแข็ง ให้ต้องฟันฝ่าเหมือนกับประเทศอื่น ย่อมมีทางออกให้กับผู้มีแรงบรรดาลใจให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ ....

    ตอบลบ